Book

Guide to the NEW RULES OF PERSONAL FINANCE

ได้นั่งอ่านหนังสือเล่มนี้แบบผ่านๆ

snapshot158

จริงๆ แล้วมันเป็นคำแนะนำสำหรับคนอเมริกัน และสำหรับกฎหมายอเมริกัน มีบางเรื่องอย่างเช่น  เรื่อง Retirement  401(k) ตอนแรกก็นึกว่าคนอเมริกันนี่เวลาเกษียณอายุมีเงินกันตั้ง 400,000 USD (12 ล้านบาทเลยนะนั่น) กันเชียวหรือ อ่านไปอ่านมาก็รู้ว่าไม่ใช่ มันเป็น แผนการเงินที่บริษัทจ่ายให้พนักงานสำหรับการเกษียณอายุ  (401(k) เป็น ชื่อ tax code)

เนื้อเรื่องมีทั้งหมด 8 บทโดยรวมแล้วก็เป็นคำแนะนำที่ดีนะครับ

  1. OLD RULE : It’s never different.
    NEW RULE : Times have changed.
  2. OLD RULE : Play now, pay later.
    NEW RULE : Thrift is the new black.
  3. OLD RULE : Stocks forever.
    NEW RULE : Stock are just a part of puzzle.
  4. OLD RULE : Your 401(k) is everything.
    NEW RULE : A 401(k) is only the beginning.
  5. OLD RULE : Your house is a ticket to riches.
    NEW RULE : Your house should be a home.
  6. OLD RULE : Avoid commodities.
    NEW RULE : Embrace commodities.
  7. OLD RULE : Stay close to home.
    NEW RULE : Discover the whole world.
  8. OLD RULE : Get rich, die broke.
    NEW RULE : Financial security is more than wealth.

 

อย่างข้อ 7 นี่ดูเหมือนจะชวนเราไปเที่ยวนะ … แต่ปล่าว จริงๆ แล้วเขาหมายถึงให้ไปลงทุนในตลาดต่างประเทศบ้างอย่าง ประเทศจีน อินเดีย บราซิล หรือเปิด Account สำหรับซื้อขาย-แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ

 

Book

A peacock in the land of penguins สำเร็จได้ในแบบที่คุณเป็น

snapshot157

To …. เหล่าบรรดานกยูงทุกท่าน

ผมรู้ว่าพวกคุณเก่ง สุดยอด และมีคุณค่าต่อองค์กรแห่งนี้แค่ไหน หากคุณกำลังรู้สึกยากลำบากในการทำงานกับเพนกวิ้นที่นี่ หนังสือเล่มนี้มีคำแนะนำดีๆ  ที่จะทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตในดินแดนแห่งนี้ได้ต่อไป คุณมีทางเลือกเยอะอยู่นะ …

To… เพื่อนพี่น้องเพนกวิ้นครับ

หนังสือเล่มนี้รวมความในใจที่เหล่าบรรดานกตัวอื่นๆ เขาอยากจะบอกพวกท่าน … ก็สุดแล้วแต่ท่านจะพิจารณาละกันครับ 555 😀

To… พวกที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพนกวิ้น หรือเปล่า

หนังสือเล่มนี้มีแบบทดสอบเล็กๆ ที่จะบอกคุณว่าคุณโดนวัฒนธรรมเพนกวิ้นกลืนตัวตนคุณไปหรือยัง แล้วมีคำแนะนำดีๆ ว่าคุณจะจัดการกับตัวคุณ กับดินแดนแห่งนี้ กับองค์กรแห่งนี้อย่างไร

To… คนที่ยังไม่รู้ว่าผมพร่ามอะไรมา

ผมกำลังพูดถึงหนังสือเรื่อง “สำเร็จ” ได้ในแบบที่คุณเป็น A peacock in the land of penguins เป็นหนังสือที่พูดถึงการบริหารงานบุคคล การบริหารงานในองค์กร โดยเล่าเป็นนิทานง่ายๆ ผ่านตัวละครอย่างนกยูงที่ได้เข้าไปทำงานบนดินแดนที่เหล่าบรรดาเพนกวิ้นอาศัยอยู่ หนังสือเล่มนี้ได้หยิบเอาประเด็นด้าน HR มาเปรียบเทียบเป็นนิทานให้ฟัง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ถูกแปลมาแล้วหลายสิบภาษา ขายดิบขายดีตลอด 20 ปีที่ผ่านมา  หลายๆ องค์กรนำไปให้พนักงานอ่านในวันปฐมนิเทศเลยด้วยซ้ำ … เป็นหนังสือดีอีกเล่มที่แนะนำให้ลองอ่านกันครับ … เนื้อหาไม่ยาวนัก สัก 2 ชั่วโมงก็อ่านจบแล้ว

1387360384

Uncategorized

Overtime Calculation

พอดีกำลังนั่งคิด Algorithm ของการคำนวนชั่วโมง Overtime สำหรับคนที่มาทำงานในวันหยุด ตอนแรกหลายคนก็บอกว่างานหมูๆ ไม่ต้องคิดมาก เอ่อ… แต่ว่าอยู่ดีๆ หมูก็กลายเป็นหมูป่าซะงั้น

Requirement มันมาอย่างนี้ครับ

  1. บริษัทเริ่มงาน 8:00 และเลิกงาน 17:00  มีพักเบรค 10 นาที 2 ช่วงคือ 10:00-10:10 และ 15:00-15:10 และมีพักกลางวันช่วง 12:00-12:40
  2. Overtime ในวันหยุดจะคิดตามชั่วโมงทำงาน เช่นมาทำงาน 8:00 – 17:00 ก็จะได้ OT 8 ชั่วโมง และถ้ามาทำแค่ครึ่งวัน 8:00-12:00 ก็จะได้ OT 4 ชั่วโมง ถ้ามาทำงาน 9:30 -12:00 ก็จะได้ OT  2.5 ชั่วโมง
  3. OT ขั้นต่ำคือ 1 ชั่วโมง และเพิ่มทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เช่น มาทำ 8:00-9:00 ได้  OT 1 ชั่วโมง 8:00-9:30 ได้ 1.5 ชั่วโมง  8:00-9:45 ได้ 1.5 ชั่วโมง และ 9:45 – 10:30 จะไม่ได้ OT
  4. นาฬิกาโอทีจะเดินทุกๆ ครึ่งชั่วโมงเช่น 8:00 เข็มถัดไปก็จะเป็น 8:30 เข็มถัดไปก็จะเป็น 9:00
  5. ถ้ามาทำงาน ตอนช่วง 10:00-10:10  ให้ถือว่ามาตอน 10:00 (ยกผลประโยชน์ตอนพักเบรกให้) เช่นเดียวกับการมาทำงานตอน 15:00-15:10 ก็ถือว่ามาตอน 15:00

อ่ะ … ง่ายหล่ะสิ … อย่าเพิ่งยิ้มเด่ะ

ทีนี้มาดูตัวอย่างที่ผมลองแย๊บถามดู เผื่อว่า User จะให้ Requirement มาไม่หมด

  • ถ้าคนมาทำงานตอน 8:01 แล้วออกตอน 10:01 ได้ OT กี่ชั่วโมง
    อย่างที่บอก นาฬิกา OT จะเดินทุกครึ่งชั่วโมง (ตามกฎข้อ 4) แสดงว่า คนนี้จะเริ่มทำ OT ตอน 8:30 และจะถือว่าเลิกทำ OT ตอน 10:00 ดังนั้น เขาจะได้ OT 1.5 ชั่วโมง
  • แล้วคนที่มาทำตอน 15:01 แล้วเลิกตอน 17:01 หล่ะ
    กรณีนี้จะถือว่าเขามาทำ OT ตอน 15:00 (ตามกฎข้อที่ 5) แล้วจะถือว่าเลิกตอน 17:00 (ตามกฎข้อ 4) ดังนั้น เขาจะได้ OT 2 ชั่วโมง
  • แล้วคนที่มาทำตอน 10:00 แล้วเลิกตอน 15:00 อ่ะ
    จะถือว่าเขาได้ OT 4 ชั่วโมง คิดจากวันนึงถ้าทำตั้งแต่ 8:00 – 17:00 เขาจะได้ 8 ชั่วโมง ดังนั้น เขาเริ่ม 10:00 มันก็จะถูกหักไป 2 ชั่วโมง และเลิกตอน 15:00 มันเป็นการออกก่อน 17:00 ไป 2 ชั่วโมงดังนั้นจำนวนชั่วโมงที่เขาได้จะเป็น 8 – 2 – 2 คือ 4 ชั่วโมง …. เอาแล้วสิ … เริ่มชักมีประเด็น
  • พอเจอช่องนี้ผมเลยยิงคำถามว่า อ้าว ถ้าเขามาทำงานตอน 11:30 – 13:00 เขาได้ OT กี่ชั่วโมง
    คำตอบที่ได้คือ … ไม่ได้ … เพราะ 11:30 – 12:00 มันเป็นการทำงานแค่ครึ่งชั่วโมง (ตามกฎข้อ 3 จะต้องอย่างต่ำ 1 ชั่วโมง) ส่วนหลังพักเที่ยง 12:40 – 13:00 รวมแล้วยังไงก็ไม่ถึงชั่วโมงอยู่ดี
  • อ๊า … เจอคำถามที่แล้ว ก็ยิงอันนี้เลยครับ … อ้าว แล้วถ้าเขามาทำตอน 11:30 แล้วเลิกตอน 13:40 หล่ะ
    น้องเขาทำหน้ายิ้มๆ แล้วบอกว่า หนูให้ 1.5 ชั่วโมงค่ะพี่ 11:30-12:00 ให้ครึ่งชั่วโมง ส่วน 12:40 – 13:40 ให้ 1 ชั่วโมง ….
  • ผมก็บอกว่า เห้ยๆ เดี๋ยวนะๆ แล้วถ้าเขาทำ 11:30 – 14:00 หล่ะ ได้กี่ชั่วโมง 
    ก็ 1.5 ชั่วโมงค่ะพี่ เพราะถ้าทั้งวันมัน 8 ชั่วโมง แล้วเขามา 11:30 มันก็จะหักไปก่อน 3.5 ใช่ไหมคะ ส่วน เขาออกตอน 14:00 ก็เป็นการออกก่อนเวลา 3 ชั่วโมง ทำให้เขาได้ OT คือ 8 – 3.5 – 3 =1.5 ค่ะพี่

อ้าว ฉิบหาย … งั้นกูออกตั้งแต่ 13:40 ไม่ดีกว่าเหรอ ….

 

555 ได้ยินได้ฟังดังนั้นก็เลยกลับมานั่งทำตารางการตัดสินใจคิดว่าของน้องเขาคงมาประมาณนี้ ….

otcal

 

ปล … นี่ผมยังไม่ได้ confirm น้องเขานะเนี่ย … เผลอๆ ว่าถ้ามาทำงานตอน 8:00 แล้วเลิกตอน 13:40 เนี่ย(แถบเขียวอ่อนที่อยู่บนสุด)  จะได้ OT แค่ 4.5 ชั่วโมงเอา เพราะทั้งวันมัน 8 ชั่วโมงใช่ไหมคะพี่ ออก 13:40 ก็ถือว่าเขาออกตอน 13:30 เป็นการออกก่อนเวลา 3.5 ชั่วโมง ดังนั้น 8-3.5 ต้องเหลือ 4.5 ชั่วโมง …… เดี๋ยวน้องมันคงตอบอย่างงี้แหงมๆ 555

โปรแกรมเมอร์ปวดเฮดก็งานนี้แหล่ะ  ใครมี Idea เด็ดๆ สำหรับ Algorithm ในการคำนวน OT แบบนี้ไหมครับ

Uncategorized

Install .Net Framework 3.5 on Windows 8 Offline

ชีวิตบน Windows Platform ช่างลำบากยากเย็นจริงๆ ครับ เมื่อวานมีความจำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมที่ใช้ .Net Framework 3.5 บนเครื่อง user คนที่เพิ่งได้มาใหม่และติดตั้ง Windows 8 มาเรียบร้อย

ประเด็นคือบน Windows 8 มันมี .Net Framework 4 (เอ .. หรือ 4.5) อยู่ ถ้าจะต้องการใช้ .Net Framework 3.5 หรือต่ำกว่านั้นเช่น 3.0 และ 2.0 ก็จำเป็นที่จะต้องไป Enable Windows Features นี้ขึ้นมา ซึ่งอยู่ดีๆ เราจะเอาไฟล์ setup ติดตั้ง .Net Framework 3.5 ไปลงเครื่องนั้นเลยไม่ได้ … ยังไงมันก็จะบอกว่าให้เราไป Enable Feature นี้

NET_Framework_Error_Message_Windows_8

 

(ปลายืมมาจาก AskVG.com)

แล้วพอเรากด Install this feature มันก็พยายามไป Search หาโปรแกรมที่เกี่ยวข้องบน  Internet ทีนี้ก็ตายเลยครับ เพราะเครื่องนี้กำลังถูก setup ไม่ได้เชื่อมต่อ Internet อยู่

นั่งงมอยู่ตั้งนานว่ามันต้องทำยังไง … ปรากฎว่ามันจะต้องเล่นท่ายากนิดนึงในการลงแบบ Offline 

ขั้นแรก ก็ใส่แผ่น windows 8 เข้าไปก่อน

ขั้นที่สอง ก็เปิด Command Prompt แบบที่ได้สิทธิ์ Administrator ด้วยนะ

แล้วขั้นที่สาม ก็ต้องพิมพ์คำสั่งยาวเฟื้อยแบบนี้

Dism.exe /online /enable-feature /featurename:NetFX3 /All /Source:E:\sources\sxs /LimitAccess

แล้วมันก็จะจัดการติดตั้ง (Enable Feature) ให้ หน้าตาก็ประมาณเนี้ย

Install_NET_Framework_Offline_Windows_8

 

(ปลายืมมาจาก AskVG.com)

ปล. เป็นประสบการณ์ขนหัวลุกมาก เพราะ App ที่ผมจะติดตั้งนั้นตัว Setup มันมี .Net Framework 3.5 ถูก Build มาพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเป็น Windows Version อื่น พอมันตรวจเจอว่าไม่มี .Net Framework 3.5 มันก็จะติดตั้งให้เองอัตโนมัติ

Ref. Microsoft : http://support.microsoft.com/kb/2785188
R
ef.AskVG.com : http://www.askvg.com/how-to-install-microsoft-net-framework-3-5-offline-in-windows-8-without-internet-connection/

Uncategorized

Calendars

วันนี้ทนไม่ไหวครับ  ที่เห็น Calendar ตัวเองใน IPhone เต็มไปด้วยจุดเทาๆ ทุกวัน …. ซึ่งเป็นการบอกว่าไอ้วันที่มีจุดนั้นมีงานหรือมีเหตุการณ์ที่นัดหมายอยู่

05-day-by-day-100054428-large (1)

(ภาพปลากรอบยืมมา )

 

ประเด็นมันอยู่ที่ว่า มันไม่ใช่การนัดหมายจริงๆ นี่สิครับ ส่วนใหญ่มันจุดเพราะเป็นวันเกิดเพื่อนที่มีอยู่ใน Facebook ทำให้ดูลำบากมากว่าผมมีนัดหมายอะไรสำคัญๆ เมื่อไหร่ จนพลาดงานสำคัญๆ ไปก็มี

ทนมาได้หลายเดือน … วันนี้หนูจะไม่ทนอีกต่อไป หาทางอยู่นานสองนานว่าเอาจะเอาปฏิทินวันเกิดเพื่อนจาก Facebook ออกไปได้อย่างไร เพราะผมมั่นใจแน่ๆ ว่ามันมาจาก Facebook ไม่ใช่ Calendar ของผมเอง

เข้าไป Remove App ใน Facebook ก็แล้ว  … เข้าไปดู Facebook Setting ก็แล้วก็ไม่ยักจะมีทางเอาออก

 

ที่น่าอยากเขกกะโหลกตัวเองที่สุดคือ … วิธีการเอาออกมันก็อยู่ใน App Calendar นั่นแหล่ะ

โผล่เข้า App มามันก็จะมีคำว่า Calendars สีแดงๆ อยู่แถบด้านล่างตามภาพข้างบนนั่นแหล่ะ ก็เข้าไปเลือกเอาออกได้เลย

ios7_calendar_add-225x400

 

(ปลากรอบยืมมาอีกเช่นกัน)

 

ไม่รู้ทนไปได้ยังไงตั้งนานสองนาน … ฮึ่ม…

กลับไปอ่านหนังสือ “Change Anything” ทนไปทำไม? ในเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนได้ตามใจคุณ ดีก่า ….

 

 

PowerShell

PowerShell ตอน Select-Object property

ช่วงแรกๆ นี้ขอแตะๆ cmdlet ใน PowerShell ไปก่อนนะครับ ก่อนที่จะไปเขียน script กันจริงๆ

ตอนก่อนๆ ผมเคยใช้ Select-Object ในการที่จะเลือก property ที่มาแสดงผลแล้วคราวนี้ถ้าเราอยากจะได้ property จากการคำนวนค่าจากส่วนอื่นๆ บ้าง

ผมยกตัวอย่างจากหนังสือเลยละกัน (ในหนังสือเขายกตัวอย่าง chrome แต่ผมเปิด chrome ไว้เยอะอ่ะ ขอเป็น SkyDrive แทน)

2014-02-23_17h00_46

มาทำความเข้าใจไอ้ที่เขาเขียนนี่กันหน่อยดีกว่าครับ

อันนี้ผม Get-Process เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับ Process ที่ชื่อ SkyDrive

2014-02-23_16h34_06

ในหนังสือเขายกตัวอย่างว่า ถ้าเขาต้องการทราบ Total Memory ที่ Process นี้ใช้เป็นเท่าไหร่ โดยเอา

NonpagedSystemMemorySize + PagedMemorySize + VirtualMemorySize + WorkingSet

เราก็จะเขียนคำสั่งได้อย่างนี้

2014-02-23_16h43_13

จะเห็นว่าก็แค่ระบุชื่อ Property กับค่าให้อยู่ใน format   @{Name=”ชื่อ”; Expression= {ค่า}}

และจะเห็นว่า ในส่วนที่เป็นทศนิยมคำนวนออกมาได้น่าเกลี๊ยดน่าเกลียด อยากจะให้มันแสดงแค่ 2 หลักก็พอก็สามารถจัด Format มันได้ ซึ่งการจัด NumberFormat ก็จะมี pattern ดังตัวอย่างนี้

"{0:N2}" -f 554.22272

ผลลัพธ์มันจะได้ทศนิยม 2 ตำแหน่งเป็น

554.22

สรุปสุดท้ายถ้าเขาเขียนแล้วจัด FormatNumber เต็มๆ แบบนี้ ก็จะได้ผลลัพธ์ตามรูปนี้

Get-Process SkyDrive | Select-Object Name, Handles, Threads, NonpagedSystemMemorySize, PagedMemorySize, VirtualMemorySize, WorkingSet, PrivilegedProcessorTime, UserProcessorTime, TotalProcessorTime,  @{Name="Total Memory (M)";Expression= {"{0:N2}" -f (($_.NonpagedSystemMemorySize + $_.PagedMemorySize + $_.VirtualMemorySize + $_.WorkingSet)/1MB)}}

2014-02-23_17h03_33

เพิ่มเติมอีกนิด  ใน PowerShell ไม่ได้มี Library เฉพาะมาสำหรับจัด Format ตัวเลขนะครับ สิ่งที่มันทำคือมันไปใช้ Library ของ .Net Framework ดังนั้น รูปแบบวิธีการจัด Format เราสามารถดูได้จากเอกสารของ .Net Framework ได้เลย

ซึ่งจากตัวอย่างที่ยกมา  {0:N2}

N2  คือ จัดรูปแบบตัวเลขให้เป็นทศนิยม 2 ตำแหน่ง

หรือเราก็สามารถ custom ได้แบบใน .Net Framework เลย เป็นแบบนี้ก็ได้

{0:#.99}

2014-02-23_17h11_21

ดู custom format เพิ่มเติมได้ที่ http://msdn.microsoft.com/en-us/library/dwhawy9k(v=vs.110).aspx

Book

10 กลยุทธ์ ฉุดธุรกิจให้ล่มจม

เมื่อวานแอบเล่ากลยุทธ์แรกไปแล้ว วันนี้ขอเหมารวมๆ พูดถึงหนังสือเล่มนี้เลยละกันครับ

pic23

การได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของ CEO บริษัทระดับโลกเป็นอะไรที่มันล้ำค่ามาก ถ้ามีปาฐกถาเมื่อไหร่ก็มักจะมีคนเข้ามาฟังเต็มห้องอยู่เสมอ แม้ว่าวันนี้จะมาในรูปแบบหนังสือผมว่าเป็นเรื่องดีมากที่พวกเราได้อ่านหนังสือที่เขียนโดย Donald R.Keough อดีตประธานบริษัทโคคา-โคลา คนซึ่งวอร์เรน บัฟเฟตต์ และบิล เกตส์ ยกย่องว่าถ้าจะมีนักธุรกิจคนไหนสามารถจะก้าวไปเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ … ก็คงต้องเป็นเขาคนนี้แหล่ะ

ดอน (Donald) บอกว่า สิ่งหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้จากชีวิตการทำงานอันยาวนานก็คือ เคล็ดลับความสำเร็จนั้นไม่ได้รับประกันว่ามันจะสำเร็จเสมอไป มันมีปัจจัยอื่นอีกเยอะแยะที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นคนที่นำเคล็ดลับเหล่านั้นไปใช้แล้วได้ผลจึงมีน้อยมาก แต่เขาสามารถบอกได้ว่า ถ้าอยากได้เคล็ดลับที่จะทำให้ล่มจมหน่ะ เขาบอกได้แน่ๆ ว่าถ้าคุณทำแล้วมันล่มจมแน่ๆ

เรื่องราวในหนังสือ ดอนได้หยิบยกประสบการณ์ที่ตนเองได้พบได้เห็น สิ่งที่เขาก็ได้ทำผิดพลาดไปและจากสิ่งที่เขาได้เห็นคนอื่นทำผิดพลาดไปมาเล่าให้เราฟัง เรียกได้ว่ามีบทเรียนให้ได้ศึกษากันอย่างจุใจ ทั้งจากโคคา-โคลาของเขาเอง  จากซีรอกซ์  จากไอบีเอ็ม จากเคมาร์ต และจากบริษัทเงินทุนหลายแห่ง

เป็นหนังสือที่ผู้นำและผู้บริหารขององค์กรสมควรกับการเสียเวลาอ่านเป็นอย่างยิ่ง …. 555

Book

เลิกเสี่ยง

กำลังอ่านหนังสือ 10 กลยุทธ์ฉุดธุรกิจให้ล่มจม ของอดีตประธานบริษัทโคคา-โคลา Donald R. Keough เพื่อนแก๊งเดียวกับวอเรน บัฟเฟต และ บิล เกตส์

ดอนบอกว่าเขาไม่มีบทสรุปหรอกว่าทำอย่างไรบริษัทถึงประสบความสำเร็จ ด้วยสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน มันมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องตั้งเยอะแยะ สิ่งที่เขาทำแล้วประสบความสำเร็จ เมื่อเอาไปใช้ที่อื่นมันอาจจะไม่เวิร์คก็ได้ แต่สิ่งที่เขาบอกได้ก็คือ มันมีวิธีอะไรบ้างที่จะทำให้บริษัทเจ๊งนี่แหล่ะ

คำแนะนำแรกคือ …. เลิกเสี่ยง

มนุษย์เราถ้าอยู่ดีมีสุขแล้วส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะชอบทำอะไรเสี่ยงๆ เท่าไหร่  แต่หารู้ไม่ว่าการที่เราไม่เสี่ยงทำอะไรใหม่และอาศัยกินบุญเก่านั้น ก็จะทำให้บริษัทอยู่ในภาวะนอนรอความตาย

ดอนยกตัวอย่าง Xerox  ตอนช่วงทศวรรตที่ 1950 เหล่าบรรดาวิศวกรของบริษัทอุตส่าห์ช่วยกันผลิต “ซีรอกซ์ 914” ได้เป็นผลสำเร็จในปี 1959 จนเป็นอุปกรณ์ที่เราเรียกกันติดปากว่าเครื่องซีรอกซ์มาตั้งแต่นั้น เจ้าเครื่องนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนบริษัทฯ มีรายได้กว่า 1000 ล้านเหรียญสหรัฐในเวลาไม่กี่ปี

แต่กระนั้นเมื่อบริษัทเติบใหญ่ ผู้บริหารระดับสูงกลับไม่ใส่ใจเรื่องการลงทุนเข็นอุปกรณ์ใหม่ออกตลาดมากนัก เนื่องจากไม่อยากเสี่่ยงกับการลงทุนที่ยังไม่รู้ว่าตลาดจะตอบรับแค่ไหน …

ผลสุดท้ายปลายทศวรรตที่ 1990 Xerox ก็สูญเสียความเป็นผู้นำในตลาด พร้อมกับการขาดทุนและประกาศปลดคนงานมากมายในเวลาต่อมา

ดอนยังอ้างถึงคำพูดของปีเตอร์ ดรักเกอร์ว่า

“หน้าที่หลักของผู้บริหารก็คือ การนำทรัพย์สินของบริษัทในปัจจุบันไปเสี่ยงอย่างรอบคอบเพื่อแลกกับการดำรงอยู่ของบริษัทในอนาคต”

PowerShell

PowerShell ตอน อ่านข้อมูลจากเว็บ

ในการเขียน shell script บน linux บางครั้งก็จะมีการใช้คำสั่งพวก curl , wget ในการอ่านข้อมูลที่อยู่บน internet มาทำนู่นนี่นั่น

อ๊ะ แล้วฝั่ง windows จะทำยังไง?

ค้นไปค้นมาก็เจอไอ้เจ้านี่ครับ Invoke-RestMethod ใน PowerShell

ผมยกตัวอย่างดังนี้ครับ ผมต้องการหาอัตราแลกเปลี่ยนจากเงิน USD มาเป็น THB จากเว็บดังรูป

pic21

จะเห็นว่าเว็บเขา return ผลลัพธ์กลับมาเป็น JSON

ทีนี้เราลองใช้ Invoke-RestMethod ดูบ้าง

pic20

ซึ่งนั่นก็หมายความว่า มันเข้าใจและอ่าน JSON รู้เรื่องด้วย ดังนั้นผมทำแบบนี้ก็ได้น่ะสิ

Invoke-RestMethod -Uri "http://rate-exchange.appspot.com/currency?from=USD&to=THB" | Select-Object  from, to , rate

ก็ไม่มีปัญหาอีหยังครับ 🙂

pic22

Uncategorized

ล่าเลข

มีโอกาสได้ดูรายการตีสิบ ช่วง “ล่าเลข” ที่คุณวิทวัสให้คุณปอยลูกสาวมาเป็นผู้ดำเนินรายการหลักในช่วงนี้

ซึ่งเมื่อเทปวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2557 ให้ผู้ชมทางบ้านคนนึงมาออกรายการประมาณว่ามีเลขมหัศจรรย์มาโชว์แล้วก็ให้ผู้ชมเล่นกันไปด้วยโดยคิดเลขในใจอะไรก็ได้

สมมติว่าเป็นค่า  A โดยมีข้อแม้ว่าจำเลขให้ได้

เอาไป A ไปคูณ 2

แล้วก็บวกไป 8752

แล้วก็เอาไปหาร 2

แล้วเอาค่าที่ได้ไปลบกับตัวเลขแรก คือ A

แล้วผลลัพธ์ทุกคนจะได้เหมือนกันคือ  4376

ซึ่งถ้าเรียงเป็นสมการก็คือ    (2A+8752)/2 – A = 4376

เขียนใหม่เป็น   2A/2  + 8752/2  – A = 4376

ก็จะได้  A + 4376 -A  แล้วก็มาเฉลยว่าทุกคนต้องได้เท่ากันคือ 4376

เอ้า!! ก็ใช่สิวะ แล้วมันน่าตื่นเต้นยังไงวะเนี่ย

ทีมงาน 2020 ทำการบ้านน้อยไปหรือเปล่าครับ?

(นาทีที่ 3:40)