ในวันที่ CAT ไฟดับ

ผมก็นึกว่าเดือนแห่งนรกของผมจะผ่านพ้นไปตั้งแต่คืนวันศุกร์ ได้นอนบ้าง อดนอนบ้าง นอนบนเก้าอี้บ้าง โชฟาบ้าง ในรถบ้าง … หึ หึ

วันนี้ Twitter บนมือถือดังไม่หยุด Fort Antitrust บอกว่า CAT โดนม็อบตัดไฟ …. Server ทุกตัว และ Network กำลังจะดับ ผมเองมีงานบางส่วนฝากไว้ที่ CAT ด้วย แต่ไม่ได้สำคัญอะไรเท่า

ยังคิดอยู่ว่าโชคดีที่ไม่ไปปิดเมืองทอง … ไม่งั้นงานเข้าแน่ๆ (แต่ก็ยังกลัวว่าพรุ่งนี้พวกพี่เขาจะไปตัดไฟกันที่นั่นหรือเปล่า)

Tweetpic @GeekJuggler

 

ไอ้เรื่องไฟดับผมไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ แม้ว่าบริษัทผมจะทำงาน  24 ชั่วโมง แต่ระบบหลักนั้นจะมีคนใช้งานมากๆ ช่วงวันทำงาน 8:00 – 20:00 เท่านั้น และอีกอย่างคือไฟฟ้าที่ทำงานผมมันจะต้องดับแน่ๆ ปีละ 2 ครั้งอยู่แล้ว ทำให้ระบบเราไม่เคยมี uptime ต่อเนื่องกันเกิน 365 วัน แต่ก็ทำให้เราได้ Maintenance Server และ ทำให้เรามีแผนการรับมือและเข้าใจสิ่งที่ต้องพึงระวังต่างๆ พอสมควร

เมื่อมันเป็น Plan down-time เราก็สามารถวางแผนเพื่อทำเรื่องต่างๆ รับมือเหตุการณ์ไฟดับได้ดีพอสมควร

ผมต้องเข้าไป Shutdown ระบบก่อนไฟดับทุกครั้ง ไม่ใช่แค่กลัว Hardware พัง แต่ data corrupt เป็นเรื่องน่าปวดหัวกว่าเยอะ

ไฟดับที่ CAT แบบไม่ทันตั้งตัวครั้งนี้ผมโคตรสงสาร Admin ของ Server กว่า 10,000 ตัวที่นั่น เพราะที่ได้ข่าวคือบางเครื่องก็ดับไปเลยพร้อมไฟ เพราะ UPS แบตเสื่อม

นึกไม่ออกว่าจะต้องมี system admin กี่คนที่จะต้องอดหลับอดนอนในอีกคืนสองคืนนี้ … ไม่รู้ว่าข้อมูลจะเสียหายอีกเท่าไหร่ นี่ยังไม่นับความเสียหายทางธุรกิจด้วยนะ

ขอให้ทุกคนผ่านมันไปได้ด้วยดีครับ
หัวอกเดียวกัน

 

Awareness

อย่างที่ blog ไปเมื่อวาน วันนี้ผมมีฝึกอบรมเรื่อง Information Security Awareness ที่บริษัท มีกรณีศึกษาอันนึงที่ผมยกตัวอย่างให้ผู้เข้าอบรมได้ฟัง

กรณีละครเรื่องธิดาพญายม ตอนจบทางช่อง 7 ทีออกอากาศแบบไม่มี CG เนื่องจาก Harddisk เสีย

Clean Desk Test

เมื่อวาน (รวมถึงพรุ่งนี้) มี Internal Training เรื่อง Information Security Awareness ที่บริษัทเนื้อหาก็ไม่ได้ลงลึกอะไรมาก เน้นที่หัวใจสำคัญคือ C I A ตามที่เคย Blog ไว้ก่อนหน้านี้แหล่ะ

มีอยู่ช่วงนึงที่ให้เขาได้ลองคิดดูว่า ไอ้โต๊ะทำงานของแต่ละคนหน่ะ มีประเด็นความเสี่ยงเรื่องความไม่ปลอดภัยอะไรบ้างโดยยกตัวอย่างตามรูปนี้

http://www.csoonline.com/article/219055/the-clean-desk-test-what-s-wrong-with-this-picture-

Microsoft TechDay 2013 Thailand

งาน MS TechDay 2013 เมื่อวานผมได้แว่บไปครึ่งวันบ่ายแล้วก็ฝังตัวอยู่ Track Developer ตลอดงาน เออ… แต่ตอน registration เขาบอกว่าเป็น VIP ให้เสื้อมาตัวนึง ก็ยังงงว่าไปเป็น VIP อีท่าไหน

เริ่มด้วยพี่มี่มาเล่าเรื่อง ALM (Application Lifecycle MManagement) แต่เหมือนว่าจะหนักไปทาง Development Process ซะเยอะ ไล่ไปตั้งแต่ Requirement Management , Coding , Testing , Tracking ยัน Release Management ด้วย tools ที่ Microsoft ให้มาทั้ง Visual Studio ,TFS และ ​​System Center แต่ว่าไม่ได้ให้ดู tools เท่าไหร่นะ เน้น concept มากกว่า (เข้าใจว่าเขาให้ดูแล้วเมื่อเช้า)

ตามมาด้วย Session Windows Phone 8.1 ซึ่ง ทั้งสามท่านก็มาเล่าให้ฟังว่ามี Feature ใหม่อะไรบ้างทั้งฝั่ง C# และ HTML การเพิ่มขนาดใหม่ของ Tile และการ Snap application ดูแล้วก็ชักชอบไอ้เจ้า Metro นี่แล้วแฮะ ดูเหมือน MS อยากให้มาเขียน App บน Windows Phone กันเยอะๆ โดยยังไม่เน้นคุณภาพ ​​​​app เท่าไหร่ (งาน Windows Phone Development ก่อนหน้านี้ก็ให้มาแข่งว่าใครทำ App ลง Store ครบ 15 อันก่อนได้ NOKIA 925 ไป)

Session สุดท้ายเป็นพี่นุชิตและอ.สุเทพ พี่นุชิตมาเล่าว่า IDE ตัวใหม่ VISUAL STUDIO 2013 มันมีอะไรให้ Developer ทำงานได้ไหลลื่นมากขึ้น ส่วน อ.สุเทพ ก็มาเล่าเรื่อง .NET Framework 4.5.1 ทั้ง MVC5 EF6 มีอะไรเพิ่มเติมเข้ามาบ้าง

ดูแล้วใครตาม Technology ของ MS นี่เหนื่อยแฮะ

TPSE 2013 (Day 2) : Lean/Kanban – Going beyond Scrum

จริงๆ ก็เข้าไปอ่านที่บล็อกของพี่กรเลยก็ได้นะ … ฮ่าๆ  เรื่อง ข้อเสียของ Scrum แล้วก็มีต่ออีกนิดหน่อยเรื่อง Kanban เมื่อเจอ bug

แต่ว่าเดี๋ยวน้องๆ ผมจะหาว่าผมอู้งานแล้วไปแอบหลับแบบเมื่อวาน ก็เลยขอบล็อกเก็บไว้อ่านหน่อยนะครับ

พี่กรเริ่มต้นว่า … Scrum เนี่ยดีนะ … แต่

• เราเป็น Support team อ่ะ งานเรามันไม่ได้มี story วางไว้ล่วงหน้าหนิ มี incident มาเราก็ต้องรีบจัดการแล้วเราจะเอามันเข้าไปใน sprint planing ยังไง
• พยายามแล้วทำยังไงงานเราก็เสร็จไม่ทันใน sprint อยู่ดี
• งานมันมีเปลี่ยนแปลงทุกวันเลย …. scrum บอกให้ freeze ช่วงระยะเวลานึงใช่มะ

ฯลฯ

TPSE 2013 (Day 1) : UX Part 2

หลังจากที่เรารู้แล้วว่า App เราเป็ควรจะเป็นอย่างไร อยู่ใน Segment ไหน ทีนี้เรามาดูกลุ่มผู้ใช้กันบ้าง

หาเราไปถามฝ่ายการตลาดเราก็อาจจะได้ข้อมูลมาว่า

กลุ่มผู้ใช้อายุ 20-40 ปี
ใช้ Internet ประมาณ วันละ 3 ชั่วโมง
มีรายได้เดือนละ 20K – 80K

ข้อมูลดังกล่าวมันเป็นข้อมูลเชิงการตลาด (Marketing Targeted) ซึ่งมันกว้างแล้วไม่เจาะจงอาจทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกันระหว่างคนในทีมได้ เช่น Designer คิดว่าลูกค้าเป็นผู้หญิงน่าจะชอบ ปุ่มที่เป็นสีชมพู แต่ Marketing คิดไว้ว่าน่าจะเป็นสีน้ำเงินเพื่อกลุ่มลูกค้าผู้ชายที่เป็นหลัก ดังนั้นเมื่อ Designer ส่งตัวอย่างไม่ให้ Marketing ดู Marketing ก็คงตอบว่า เห้ยนี่ไม่น่าจะใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการนะ … ส่วน Designer ก็คงงงเช่นกันเพราะเขาก็คิดว่ากลุ่มลูกค้าผู้หญิงก็น่าจะชอบสีชมพู

TPSE 2013 (Day 1) : UX Part 1

Session นี้ก็ต่อจากพี่รูฟเลย คนล้นห้องไม่แพ้กัน ร่ายมนต์โดยพี่แบงค์ และอาจารย์จีน (ที่วันนี้เปิดเผยตัวไม่ได้)

เริ่มแรกเลยก็มาทำความเข้าใจก่อนเลยว่า UI กับ UX เนี่ยแตกต่างกันยังไง
UI นี่คือ User Interface ส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้ หน้าตา รูปร่าง เป็นอย่างไร แต่ UX เน้นไปที่การให้ประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า มันจะต้องสวย หรือหรูหราเสมอไป

พี่แบงค์ให้ลองทำ work shop ดังนี้

ให้เราลองนึกถึง application ของเรา แล้วให้เราดูว่า  app ของเราตกอยู่ใน Segment ไหน

เพื่อความสุนสนาน  <—หรือ—>  จริงจัง   และเป็นเครื่องเล่น <—-หรือ—-> เครื่องมือ

ทีนี้ลองมาดูว่า app ที่ตกอยู่ในแต่ละ segment ควรจะมีลักษณะอย่างไร

Robot Framework Example

อยากจะสารภาพดังๆ ว่านี่ก็ห้าทุ่มแล้วยังไม่ได้ทำไอ้สิ่งที่สัญญาไว้เมื่อวานเลย เหลือเวลาอยู่ไม่เกินชั่วโมงครับมาลุยกันว่าเราจะไปกันได้ถึงตรงไหน

อย่างที่บอกไว้เมื่อวานว่าผมจะทำตัวอย่างแบบที่พี่รูฟทำให้ดู … แต่สงสัยจะทำเองไม่ทันแร๊ะ … เอาสิ่งที่เขาทำ demo ไว้มาให้ดูดีกว่า แหล่งที่มาก็ https://code.google.com/p/robotframework-seleniumlibrary/wiki/Demo  ครับ

หลังจากติดตั้ง Software ต่างๆ ให้เรียบ เราก็แตกไฟล์ demo robotframework-seleniumlibrary-demo-20110131.zip ออกมา เราก็จะได้เว็บ app ที่เป็นหน้า login screen พร้อมกับ test case

Files & Folders ที่เราได้มา

demoapp
login_tests
README.txt
rundemo.py

TPSE 2013 (Day 1) : ATDD Robot Framework Part 2

(ต่อจากตอนที่แล้ว)

ปัจจุบันมันปี 2013 แล้ว ไม่ว่าเราจะพัฒนาบน Platform ไหนมันก็มี Automated Test Tools ให้ใช้กันหมดนั่นแหล่ะ จะให้ Tester มานั่งจิ้มแบบ Monkey See Monkey Do  มันบ้าพลังมากๆ แล้วทำไมเราไม่คิดจะเอา Automated Test tools มาใช้ล่ะ Tester จะได้มีเวลาเหลือไปพัฒนางานอื่นๆต่อ

มันมี Tools ตัวนึงชื่อ Selenium เป็นที่นิยมมากในการทำ automated test สำหรับ Web Platform  แต่ว่ามันเขียนยาก ให้ Tester มาเขียนอาจจะมึนงงตาลายได้ ชื่อว่า selenium หลายๆ คนเขาก็เลยทำโปรแกรมมาครอบ Selenium อีกที เพื่อให้มันเขียนและอ่านง่ายขึ้นเรียกว่าเราแทบจะเขียนเป็นภาษามนุษย์ได้เลย (มันมีที่เขียนเป็นภาษาไทยด้วยนะ  อ.ชาญวิทย์ แก้วกสิ ทำไว้ให้ ตามอ่านได้ที่. https://sites.google.com/site/chanwit/markspec) ทำให้ Tester เองก็ไม่งง สามารถเขียนให้มันทำ Automated Testing เองได้เลย

ในตัว Robot Framework มันมี Library มากมายเอาไว้สำหรับเชื่อมต่อกับ Test tools ต่างๆ เพื่อทำ Automated Test ได้ง่ายขึ้น โดยที่ Tester ก็เตรียม Test data , Test Case ไว้ในรูปแบบ Text File   หรือ HTML ก็ได้ ซึ่งข้อดีที่มันเหนือว่าการที่ Tester ไหเขียนไว้บน MS Word ก็คือ มันสามาร Check-in เข้า source control แล้ว tracking การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้

Robot framwork เองก็มี lib ที่ใช้กับ selenium ได้ด้วย

อันนี้ให้ดู Top level architecture ของ robot framework หน่อย

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.robotframework.org

จริงๆ พี่รูฟมีตัวอย่างที่ทำ automated test เรื่อง authentication ให้ดูด้วย … แต่้ผมไม่มีไอ้ที่พี่รูฟทำอ่ะ

สัญญาว่าพรุ่งนี้จะทำเลียนแบบแล้วเอามาให้ดู …

อ้ออย่าลืมว่าให้ทำทีละน้อยๆ พอดีๆ สำหรับ 2 อาทิตย์โดยให้ลูกค้าเลือกมาว่าอันไหนสำคัญก็ทำก่อน (แบบว่าในห้องพูดประโยคนี้เกือบ 10 รอบได้ โดยหลุดคำว่า agile กับ sprint ประมาณ 6 ครั้ง) 😛

TPSE Day1 : ATDD Robot Framework Part 1

ผมมาไม่ทัน Keynote เพราะติดคุยงานกับผู้ใหญ่ คุยเสร็จก็รีบบึ่งมา แต่ครึ่งวันแรกก็จบไปแล้ว (ใครเล่าช่วงเช้าให้ฟังจะเป็นพระคุณยิ่ง)

ATDD – Robot Framework
By Roofimon

ห้อง 301 คนอย่างเยอะ (แต่ไม่ได้ไปแอบดูห้องอื่นนะว่าเป็นยังไง) พี่รูฟก็เริ่มบรรเลงตั้งแต่วินาทีแรกที่ระฆังดังขึ้น

“ใครเรียนมหาวิทยาลัยมาบ้างครับ” พี่รูฟเริ่มกระแซะ
“ตอนเราทำข้อสอบอัตนัยที่อาจารย์ใส่ท่ายากมาล้านแปด ออกมาจากห้องสอบถามเพื่อนเห้ยข้อนั้นมึงตอบอะไรวะ”
“กูตอบ 12″….”อ้าว กูตอบ 15”

“จำความรู้สึกตัวเองตอนนั้นได้ไหมครับ”
“แล้วถ้าอาจารย์เฉลยมาคือ 80 เรารู้สึกยังไง”

“กูว่าแล้วววว” ผมรีบตอบ